สวนล้างลำไส้
ดีท๊อกซ์ ดีท็อกซ์ลําไส้ สวนล้างลำไส้ ล้างสารพิษ
ดีท๊อกร่างกาย วิธีดีท๊อกลําไส้
จุดประสงค์ของการสวนล้างลำไส้เพื่อช่วยร่างกายระบายสารพิษ ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารเบื้องต้น ช่วยระบายความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกาย และ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากสารพิษไม่สามารถเคลื่อนที่ออกจากร่างกาย ได้ เช่น สิว ผดผื่น ปวดตึงกล้ามเนื้อ ปวดหัว อาการดีท็อกซ์ ๆลๆ
(Note ไม่ควรทำมากเกินไป เช่น สำหรับผู้ที่ขับถ่ายดีอยู่แล้ว 3-4 เดือน ต่อ 1 ครั้ง)
หัวข้อ สวนล้างลำไส้ใหญ่ไปทำไม? การขับถ่ายทุกวันไม่เพียงพอหรือ? ประโยชน์ของการ ดีท๊อกซ์ สวนล้างลำไส้ใหญ่ ดีท็อกซ์ลําไส้ ไม่ได้เป็นธรรมชาติ แล้วจะปลอดภัยหรือ?
|
ทำความรู้จักกับลำไส้ใหญ่- ลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในสมาชิกของระบบย่อยอาหาร มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร - ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายส่วนใหญ่อยู่ที่ลำไส้ใหญ่ ถ้าระบบนิเวศในลำไส้ใหญ่ดี (เต็มไปด้วยจุรินทรีย์ชนิดดี ภูมิคุ้มกันจะดี ) แต่ถ้าระบบนิเวศในลำไส้ใหญ่แย่ (เต็มไปด้วยเศษอาหารเก่า สารพิษ จุรินทรีย์ชนิดก่อโรค ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะแย่ )
- ลำไส้ใหญ่เปรียบเสมือนรากของต้นไม้ ต้นไม้ดูดซึมน้ำและสารอาหารผ่านทางราก และ สารอาหารเหล่านั้นจะถูกลำเลียงไปเลี้ยงส่วนต่างๆของต้นไม้ ส่วนร่างกายดูดซึมน้ำและสารอาหารผ่านทางลำไส้ใหญ่ -หน้าที่ของลำไส้ใหญ่ คือ 1.ย่อยอาหารต่อจากกระเพราะอาหาร 2.ดูดซึมและส่งต่อสารอาหารไปให้หวัยวะต่างๆผ่านทางผนังลำไส้และเลือด 3.เป็นเส้นทางระบายของเสียหลักออกจากร่างกาย |
การดีท็อกซ์ลําไส้ คืออะไร?- การสวนล้างลำไส้ หรือ ที่คนชอบเรียกว่า ดีท๊อกซ์ (detox) คือการใช้ น้ำอุ่น หรือ น้ำสมุนไพร สวนเข้าไปในลำไส้ใหญ่ เพื่อล้างสารพิษ ที่สะสมในลำไส้ใหญ่ และช่วยให้ลำไส้ใหญ่ระบายสารพิษออกมาได้ดีขึ้น - การดีท็อกซ์ลําไส้ สามารถล้างสารพิษ 2 อย่างออกจากร่างกาย 1. น้ำและเนื้ออุจจาระ(ตะกรัน)ที่หมักหมมอยู่ในลำไส้ใหญ่ 2. ความร้อน หรือ ความเย็นส่วนเกินในร่างกาย [2] Note พิษทั้ง 2 ประการนั้นจะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของร่างกายทุกวัน ถ้าไม่รีบระบายออกหรือมีการหมักหมมมากเกินไป จะถูกดูดซึมกลับไปทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย [2]
|
วิธีดีท๊อกลําไส้1.นำน้ำอุ่น เทใส่ถุงสวนล้างลำไส้ 2.ปริมาณน้ำที่ใส่ลงไปในถุงขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยปริมาณน้ำที่แนะนำคือ ผู้หญิง 1200 cc ผู้ชาย 1500 cc แต่สามารถใช้น้อยกว่านี้ได้ตามความสบายของแต่ละบุคคล 3.เอาถุงดีท๊อกซ์ไปแขวนในห้องน้ำ ให้อยู่จากพื้นประมาณ 1 เมตร 4.นอนตะแครงขวา 5.ทาปลายสายยางด้วยเจล หล่อลื่น (สามารถใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา) 6.เอาปลายสายยางสอดเข้าที่หูรูดทวารหนัก ลึกไม่เกิน 3 นิ้ว 7.เปิดวาล์วน้ำให้น้ำค่อยๆไหล ถ้ารู้สึกปวดท้องให้ปิดวาล์วแล้วรอซักพัก เมื่อหายปวดก็ปล่อยน้ำเข้าไปจนหมด 8.นอนหงายอั้นไว้ซัก 5-10 นาที พอถึงเวลาก็ไปถ่ายอุจจาระ หากทนไม่ไหวก็ไปถ่ายอุจจาระก่อนได้ครับ Note 1. ปริมาณน้ำที่ใส่เข้าไปในลำไส้ให้ขึ้นอยู่กับความสบายของร่างกายไม่จำเป็นต้อง 1200 หรือ 1500 cc เสมอไป 2. เนื่องจากลำไส้ใหญ่สามารถดูดน้ำและสารอาหารที่ใส่เข้าไปในลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องระวังเป็นพิเศษว่าใส่อะไรเข้าไป ปริมาณมากน้อยเพียงไร (ควรจะใช้น้อยกว่าปริมาณที่กินเพราะลำไส้ใหญ่ดูดเข้าไปเร็วมาก) เช่น - ถ้าคนที่ร่างกายเย็นเกิน แล้วใส่น้ำแร่ หรือ สมุนไพรฤทธิ์เย็นเข้าไปอาจจะป่วยหนักได้ แต่ถ้าใส่สมุนไพรฤทธิ์อุ่นเข้าไปอย่างพอดีร่างกายจะปรับสมดุลร้อนเย็นได้ดีขึ้น - ถ้าคนที่ร่างกายร้อนเกินใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อนสวนเข้าร่างกาย เช่น กาแฟ น้ำขมิ้น ร่างกายจะแย่ลงทันที - จากประสบการณ์ของผม ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะร้อนหรือเย็นเกินผมใช้น้ำประปาที่ผ่านการกรองเอาคลอรีนออกแล้วนำไปต้มจนเดือดรอจนน้ำอุ่นๆหรือ อุณหภูมิปรกติ แล้วจึงนำไปใช้ พบว่าสบายตัวดีครับ 3.ถ้าดีท็อกล้างลําไส้แล้วรู้สึกไม่สบายมักเกิดจาก - แขวนถุงสูงเกินไป - ใช้น้ำเยาะไป - กลั้นอุจจาระนานเกิน - สิ่งที่ใส่เข้าไปไม่ถูกกับร่างกาย - อุณหภูมิของน้ำที่ใส่เย็นหรือร้อนจนเกินไป 4. ความถี่ของการสวนล้างลำไส้ - โดยปรกติมนุษย์ควรจะขับถ่ายทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง - การสวนล้างลำไส้สามารถทำได้มากสุดวันละ 1 ครั้ง - สำหรับผู้ที่ท้องอืดมาก ในช่วงแรกผมแนะนำให้ทำวันเว้นวัน หรือ วันละ 1 ครั้ง ซัก 1อาทิตย์ จากนั้นค่อยๆลด เหลือ อาทิตย์ละครั้ง จนสุดท้าย เดือนละครั้ง - สำหรับผู้ที่ขับถ่ายเป็นปรกติ และไม่เคยสวนล้างลำไส้ ผมแนะนำให้สวนล้างลำไส้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 อาทิตย์ จากนั้น เดือนละ 1 ครั้ง - การสวนล้างลำไส้เป็นตัวช่วยระบายของเสีย แต่ก็ไม่ควรไปพึ่งมันจนขับถ่ายเองไม่ได้ พยายามให้ขับถ่ายเองให้ได้วันละ 1 ครั้ง
|
ประโยชน์ของการสวนล้างลำไส้ใหญ่- การสวนล้างลำไส้ จะไปชะล้างตะกรันกากอาหาร(อุจาระเก่าๆ) และ สารพิษที่จับติดอยู่ที่ผนังลำไส้ออกทำให้ - ลำไส้หายบวมแห้ง - ร่างกายจะสามารถดูดซึม สารอาหาร วิตามิน และ แร่ธาตุได้ดีขึ้น ส่งผลให้ เลือดข้นน้อยลง อวัยวะต่างๆทำงานดีขึ้น เส้นลมปราณต่างๆไหลเวียนสะดวกขึ้น อาการตึง เจ็บ ปวด ตามกล้ามเนื้อต่างๆ น้อยลง และ สุขภาพโดยรวมค่อยๆดีขึ้น [1]
- เส้นทางระบายของเสียหลักของร่างกายถูกเปิด ทำให้ร่างกายระบายของเสียจากอวัยวะต่างๆได้มากขึ้น - มีพลัง สบายตัวมากขึ้น เพราะ ร่างกายได้รับ วิตามิน แร่ธาตุมากขึ้น และ ร่างกายเสียแรงในการขับของเสียน้อยลง - แก่ช้าลง - ร่างกายรักษาตัวเองเร็วขึ้น - อาการไม่สบายที่เกิดจากการล้างสารพิษ (ขับสารพิษ)ของร่างกาย เช่น ผื่น คัน สิว ปวดหัว ๆลๆ ในปริมาณมาก (วิกฤติบำบัด หรือ healing crisis) จะลดลง
|
อ้างอิง 1. หมอแดง หมอนัท ดิ อโรคยา,ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น 3 ตอน โรคกระเพาะ กรดไหลย้อนหายได้ 2. ใจเพชร กล้าจน ถอดรหัสสุขภาพ เล่ม 3 มาเป็นหมอดูแลตัวเองกันเถาะ |